เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในเกาะเมืองยังคงทรงตัวอยู่ที่ 1.60 เมตร ขยับตัวลงมา 20 ซม.ประชาชนที่ย้ายออกไปอยู่กับญาติต่างจังหวัดและไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงต่างๆเริ่มกลับเข้าบ้านพักอาศัยสำรวจความเสียหายและเก็บสิ่งของที่ลอยน้ำอยู่ในบ้านพักขนย้าย จยย.รถยนต์ออก เพื่อทำการซ่อมแซมเตรียมไว้ใช้หลังน้ำลด ส่วนใหญ่พบว่ามีขยะลอยเข้ามาในบ้านพักจำนวนมาก
ส่วนในพื้นที่ต่างอำเภอ เช่นที่ อ.มหาราช อ.บ้านแพรก อ.อุทัย อ.บางปะหัน ระดับน้ำลดลง ถนนสายเอเซีย ช่วงตั้งแต่ จ.อ่างทองถึงหน้าศูนย์ราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำลดลงรถยนต์กระบะเริ่มวิ่งได้แล้วมีท่วมสูงบางช่วงแต่ยังสามารถวิ่งผ่านได้ แต่พบว่าถนนสายเอเซียหลายจุดพื้นผิวถนนชำรุดเป็นหลุมเพราะน้ำที่ท่วมเป็นเวลานานและมีรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งลุยน้ำทำให้พื้นผิวถนนชำรุด
ขณะเดียวกันช้างของหมู่บ้านช้างเพนียดหลวงกว่า 90 เชือกที่อพยพมาจากหมู่บ้านช้างเพนียดหลวง มาอาศัยอยู่ทุ่งภูเขาทอง ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา และต้องยืนอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง จนเกิดอาการเท้าบวม เพราะไม่ได้นอนและเดิน ทางควาญช้างจึงต้องนำช้างไปเดินเพื่อให้ช้างได้ออกกำลังกาย โดยการลุยน้ำไปตามถนนในเกาะเมืองอยุธยา สาเหตุที่ต้องลุยน้ำก็เพราะว่าไม่มีพื้นผิวที่แห้งให้ช้างเดิน ซึ่งจะพาช้างไปเดินตามถนนก็มีแต่ประชาชนที่หนีน้ำขึ้นมาอาศัย เกรงว่าจะได้รับอันตรายจากช้าง จึงต้องพาลุยน้ำเพื่อออกกำลังกายแถวช้างก็สดชื่นจากการลุยน้ำ
ด้านนายเกรียงไกร ด่านชัยวิจิตร ประธานหอการค้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าน้ำในพื้นที่ลดลงแต่ไม่มากเนื่องจากการระบายน้ำลงสู่ทะเลเป็นไปได้ช้ายิ่งนานวันย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากชาวต่างชาติ ภาคอุตสาหกรรมภายในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 5 แห่งต้องเร่งฟื้นฟูและกู้น้ำออกมาให้ได้หากช้ายิ่งนานกว่า 3 เดือน ความเชื่อมั่นจะถอยลงไปแรงงานกว่า3 แสนคนใครจะรับผิดชอบ ภาคการท่องเที่ยวเสียหายทั้งระบบสูญรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาทส่วนภาคการเกษตรนาปรังได้รับผลกระทบไม่มากส่วนนาปีเสียหายทั้งหมดพื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมไปกว่า 2 แสนไร่ ค่าเสยหายไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ดังนั้น หลังน้ำแห้งต้องรีบสำรวจข้อมูลให้เที่ยงตรงในการฟื้นฟู ควรสร้างวิกฤติให้เป็นโอกาสของความสามัคคีให้เป็นรูปธรรม
นายทวี นริศสิริกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประธานคณะกรรมการฟื้นฟูอุตสาหกรรมจังหวัด กล่าวว่า ได้เชิญผู้ประกอบการนิคมในพื้นที่มาร่วมประชุม ถึงการกู้นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ในพื้นที่ จึงมีมติให้กู้นิคมอุตสาหกรรมโรจนะเป็นแห่งแรก โดยจะสูบน้ำออกในวันที่ 1 พ.ย.นี้ รวมทั้งหมด 8 เฟดด้วยกัน เฟดที่ 1-6 จำนวน 8 จุด เฟดที่ 7 / 3 จุด และเฟดที่ 8 / 1 จุด ส่วนการสูบมวลน้ำทั้งหมดมีอยู่ประมาณ 1 หมื่นไร่ คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายเดือนพ.ย. และสามารถเปิดดำเนินการได้ในเดือน ธ.ค.
ส่วนในพื้นที่ต่างอำเภอ เช่นที่ อ.มหาราช อ.บ้านแพรก อ.อุทัย อ.บางปะหัน ระดับน้ำลดลง ถนนสายเอเซีย ช่วงตั้งแต่ จ.อ่างทองถึงหน้าศูนย์ราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำลดลงรถยนต์กระบะเริ่มวิ่งได้แล้วมีท่วมสูงบางช่วงแต่ยังสามารถวิ่งผ่านได้ แต่พบว่าถนนสายเอเซียหลายจุดพื้นผิวถนนชำรุดเป็นหลุมเพราะน้ำที่ท่วมเป็นเวลานานและมีรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งลุยน้ำทำให้พื้นผิวถนนชำรุด
ขณะเดียวกันช้างของหมู่บ้านช้างเพนียดหลวงกว่า 90 เชือกที่อพยพมาจากหมู่บ้านช้างเพนียดหลวง มาอาศัยอยู่ทุ่งภูเขาทอง ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา และต้องยืนอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง จนเกิดอาการเท้าบวม เพราะไม่ได้นอนและเดิน ทางควาญช้างจึงต้องนำช้างไปเดินเพื่อให้ช้างได้ออกกำลังกาย โดยการลุยน้ำไปตามถนนในเกาะเมืองอยุธยา สาเหตุที่ต้องลุยน้ำก็เพราะว่าไม่มีพื้นผิวที่แห้งให้ช้างเดิน ซึ่งจะพาช้างไปเดินตามถนนก็มีแต่ประชาชนที่หนีน้ำขึ้นมาอาศัย เกรงว่าจะได้รับอันตรายจากช้าง จึงต้องพาลุยน้ำเพื่อออกกำลังกายแถวช้างก็สดชื่นจากการลุยน้ำ
ด้านนายเกรียงไกร ด่านชัยวิจิตร ประธานหอการค้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าน้ำในพื้นที่ลดลงแต่ไม่มากเนื่องจากการระบายน้ำลงสู่ทะเลเป็นไปได้ช้ายิ่งนานวันย่อมส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากชาวต่างชาติ ภาคอุตสาหกรรมภายในนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 5 แห่งต้องเร่งฟื้นฟูและกู้น้ำออกมาให้ได้หากช้ายิ่งนานกว่า 3 เดือน ความเชื่อมั่นจะถอยลงไปแรงงานกว่า3 แสนคนใครจะรับผิดชอบ ภาคการท่องเที่ยวเสียหายทั้งระบบสูญรายได้ไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาทส่วนภาคการเกษตรนาปรังได้รับผลกระทบไม่มากส่วนนาปีเสียหายทั้งหมดพื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมไปกว่า 2 แสนไร่ ค่าเสยหายไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ดังนั้น หลังน้ำแห้งต้องรีบสำรวจข้อมูลให้เที่ยงตรงในการฟื้นฟู ควรสร้างวิกฤติให้เป็นโอกาสของความสามัคคีให้เป็นรูปธรรม
นายทวี นริศสิริกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ประธานคณะกรรมการฟื้นฟูอุตสาหกรรมจังหวัด กล่าวว่า ได้เชิญผู้ประกอบการนิคมในพื้นที่มาร่วมประชุม ถึงการกู้นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ในพื้นที่ จึงมีมติให้กู้นิคมอุตสาหกรรมโรจนะเป็นแห่งแรก โดยจะสูบน้ำออกในวันที่ 1 พ.ย.นี้ รวมทั้งหมด 8 เฟดด้วยกัน เฟดที่ 1-6 จำนวน 8 จุด เฟดที่ 7 / 3 จุด และเฟดที่ 8 / 1 จุด ส่วนการสูบมวลน้ำทั้งหมดมีอยู่ประมาณ 1 หมื่นไร่ คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายเดือนพ.ย. และสามารถเปิดดำเนินการได้ในเดือน ธ.ค.